สำหรับใครที่อยากลดไขมันส่วนเกินสะสมตามจุดต่าง ๆ ของใบหน้าและร่างกาย แต่ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ก็แล้ว หรือพยายามควบคุมการรับประทานอาหารให้เหมาะสม เพื่อเบิร์นไขมันเก่า และป้องกันการสะสมของไขมันใหม่แล้ว ก็ยังคงมีไขมันส่วนเกินอยู่ดี จะดีกว่าไหม? ถ้ามีวิธีกำจัดไขมันส่วนเกินเหล่านั้นที่เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น อย่างการ “ฉีดเมโสแฟต” ซึ่งจริง ๆ แล้ว หัตถการนี้คืออะไร สามารถช่วยลดไขมันได้จริงไหม? ตามมาไขข้อสงสัยกันได้ในบทความนี้
การฉีดเมโสแฟตคืออะไร?
เมโสแฟต (Meso Fat) หรือการฉีดเมโสแฟต หมายถึง การฉีดตัวยาที่มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ผิวหนัง โดยไม่ต้องผ่าตัด หรือพักฟื้น และยังสามารถช่วยลดเซลลูไลท์ พร้อมกระชับผิวให้เต่งตึงมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
ถือเป็นวิธีลดไขมันที่ได้รับความนิยม เพราะเห็นผลเร็ว สามารถทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย และควบคุมอาหารเพื่อผลลัพธ์การลดไขมันที่ชัดเจนยิ่งขึ้นได้
ฉีดแฟตกี่วันเห็นผล?
ตัวยาในการฉีดแฟตจะทำให้ไขมันแตกตัวลง และถูกกำจัดผ่านทางการขับถ่ายของเสียของร่างกาย ซึ่งอาจจะไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีหลังฉีด แต่จะเริ่มเห็นผลในช่วง 7 วันหลังฉีด และเห็นผลเต็มที่ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังฉีด
เมโสแฟตฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
เราสามารถฉีดแฟตเพื่อจัดการไขมันส่วนเกินสะสมใต้ผิวได้หลากหลายบริเวณ ซึ่งมี 6 จุดยอดนิยม ดังนี้
- ลดแก้มเพื่อทำให้หน้าดูเล็กสมส่วนมากขึ้น
- ลดเหนียงปรับหน้าเรียวสวย ลดปัญหาคางสองชั้น
- บริเวณต้นแขน เพื่อจัดการปัญหาแขนใหญ่ ทำให้ต้นแขนดูเรียวเล็กมากขึ้น
- ลดไขมันนมน้อย หรือไขมันบริเวณใต้รักแร้
- ลดไขมันบริเวณหน้าท้อง และลดพุง
- จัดการไขมันส่วนเกินที่ต้นขา พร้อมลดเซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม
การฉีดเมโสแฟตเหมาะกับใคร?
โปรแกรมฉีดเมโสแฟตเป็นการลดไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ต้องการจัดการไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด เช่น แก้ม เหนียง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง
- ผู้ที่ต้องการลดไขมัน แต่ไม่ต้องการผ่าตัด ดูดไขมัน และผู้ที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้นนาน ๆ
- ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดในการลดปริมาณไขมันส่วนเกิน
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ของการลดปริมาณไขมันที่รวดเร็ว
- ผู้ที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือวินัยในการคุมอาหาร
การฉีดเมโสแฟตไม่เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินสะสมปริมาณมาก ๆ
- ผู้ป่วยโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน หัวใจ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง และมะเร็ง
- ผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
ผู้ที่มีการติดเชื้อ อักเสบ หรือมีแผลสดบริเวณที่ต้องการฉีดเมโสแฟต ควรรักษาแผลให้หายก่อนแล้วค่อยทำหัตถการนี้
ข้อดีของการฉีดเมโสแฟต
- ช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินที่สะสมตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายได้รวดเร็วกว่าการออกกำลังกาย หรือคุมอาหาร
- สามารถเลือกลดไขมันเฉพาะจุดได้
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องอาศัยระยะเวลาพักฟื้น
- ราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับการดูดไขมัน
- ตัวยาไม่ตกค้างในร่างกาย สามารถขับออกทางของเสียได้เลย
ข้อเสียของการฉีดเมโสแฟต
- ไม่เห็นผลทันที ต้องรอระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์
- จำเป็นต้องเข้ารับบริการหลายครั้ง และต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- ตัวยาบางชนิดอาจทำให้ผิวหย่อนคล้อย ขาดความตึงกระชับได้
- หากใช้ตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดการติดเชื้อ และส่งผลเสียระยะยาวต่อผิวได้
การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสแฟต
การเตรียมตัวก่อนฉีดแฟตที่ดีจะสามารถลดผลข้างเคียงหลังฉีดที่เป็นอันตรายได้ดี
โดยมีวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ ดังนี้
- ควรแจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา รวมประวัติแพ้ส่วนผสมต่าง ๆ ให้แพทย์ทราบก่อน
เนื่องจากในตัวยาของเมโสแฟตนั้นมีสารสกัดที่หลากหลาย ซึ่งอาจเป็นสารที่คุณแพ้อยู่ก็ได้ - พักผ่อนให้เพียงพอก่อนการฉีด
- ควรงดกลุ่มยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน รวมถึงวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามิน E น้ำมันตับปลา
และกิงโกะ อย่างน้อย 2-7 วัน เพื่อป้องกันเลือดออกง่ายขณะที่ฉีดและอาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย - งดดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
การดูแลตนเองเองหลังฉีดเมโสแฟต
เพื่อให้ผลลัพธ์การฉีดเมโสแฟตเป็นไปตามที่หวังและป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย ขอแนะนำให้ดูแลตนเองตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- ดื่มน้ำในปริมาณมาก ๆ อย่างน้อย 1-2 ลิตรต่อวัน เพื่อขับไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย
- เลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้อุณหภูมิผิวสูง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ ทรีตเมนต์ และเลเซอร์ เพราะอาจทำให้ตัวยาสลายเร็ว และอาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
- เลี่ยงการกด นวด คลึงบริเวณที่ฉีดเมโสแฟต
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน เช่น ลดของทอด ของมัน ของหวาน เพื่อลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน
- หมั่นออกกำลังกายเพื่อเร่งการเผาผลาญไขมัน และเพิ่มกล้ามเนื้อให้กระชับมากขึ้น
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้หลังฉีดเมโสแฟต
หลังจากฉีดแฟตมีผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น อาการบวม ปวดระบมเล็กน้อย ซึ่งจะสามารถหายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง หรือประมาณ 1-3 วันแล้วแต่บุคคล ขณะเดียวกันบางรายก็อาจมีรอยเขียวช้ำเนื่องจากรอยเข็มได้ ซึ่งจะค่อย ๆ จางลงใน 7 วัน ทั้งนี้หากมีอาการผิดปกติ เช่น แสบร้อนผิว เจอก้อนไตใต้ผิว เกิดการอักเสบ หรือมีอาการบวมไม่ยุบเกิน 3 วัน แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
รวม 7 คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดเมโสแฟต
1. ฉีดเมโสแฟตแตกต่างจากการฉีดโบท็อกอย่างไร?
การฉีดแฟตจะเป็นตัวยาที่ฉีดลงไปในผิวบริเวณชั้นไขมัน เพื่อสลายไขมันส่วนเกิน ขณะที่โบท็อกจะฉีดลงลึกไปที่ชั้นกล้ามเนื้อ
เพื่อชะลอการทำงานของกล้ามเนื้อ ฉะนั้นก่อนตัดสินใจฉีดเมโสแฟต หรือโบท็อกนั้น แนะนำว่าควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ก่อน เพื่อประเมินว่าเราเหมาะกับโปรแกรมไหน จะได้รักษาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
2. สามารถฉีดเมโสแฟตควบคู่กับการฉีดโบท็อกได้หรือไม่?
สามารถทำได้ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการเข้ารับบริการฉีดเมโสแฟตเพื่อสลายไขมันส่วนเกินไปพร้อม ๆ กับฉีดโบท็อกเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อกราม หรือลิฟต์ติงกรอบหน้า จะยิ่งเสริมประสิทธิภาพกัน
ทำให้ใบหน้าดูเรียวสวยสมส่วนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
3. ฉีดเมโสแฟตอยู่ได้นานไหม?
โดยปกติแล้วผลลัพธ์ของการฉีดเมโสแฟตจะอยู่ได้นาน 2-3 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย และพฤติกรรมของแต่ละบุคคล เช่น พฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการพักผ่อน หากไม่ปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำก็มีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาสะสมเพิ่มมากขึ้น
4. ฉีดเมโสแฟตเจ็บไหม?
อาจรู้สึกเจ็บตอนเข็มทิ่มลงสู่ผิว และแสบเล็กน้อยเวลาเดินยา แต่ระหว่างทำส่วนใหญ่จะมีการประคบน้ำแข็งเพื่อช่วยลดอาการเจ็บควบคู่ไปด้วย หรือในบางรายที่กลัวเจ็บมาก ๆ แพทย์อาจแนะนำให้แปะยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดแทน
5. ฉีดเมโสแฟตบวมกี่วัน?
อาการบวมหลังฉีดแฟตถือเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งจะค่อย ๆ ยุบบวมลงใน 1-3 วันหลังฉีด หรือในบางรายอาจใช้ระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังฉีดเท่านั้น ซึ่งทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับตัวยา ปริมาณยาที่ใช้ และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
6. ฉีดเมโสแฟตกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
ในการฉีดเมโสแฟตสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด โดยจะเริ่มเห็นผลในประมาณ 7 วันหลังฉีด และสามารถฉีดได้ซ้ำเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่พอใจ แต่โดยปกติแล้วแพทย์จะแนะนำให้ฉีดต่อเนื่องประมาณ 4-5 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและคงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
7. ฉีดเมโสแฟตอันตรายไหม?
เพื่อความปลอดภัยแนะนำให้ฉีดแฟตกับแพทย์ที่มีความชำนาญการ และมีประสบการณ์ในการฉีดเท่านั้น เพราะแพทย์จะสามารถประเมินปัญหา คำนวณปริมาณตัวยา และเลือกฉีดในตำแหน่ง หรือชั้นผิวที่ไขมันสะสมอยู่ได้อย่างถูกจุด รวมถึงควรเลือกตัวยาที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช่สารสเตียรอยด์ หรือไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ที่อาจส่งผลเสียระยะยาวต่อชั้นผิว และอาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ หรือติดเชื้อได้
สรุป
การฉีดเมโสแฟตเป็นวิธีช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยฤทธิ์ตัวยาที่ทำให้ไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวฝ่อตัว และถูกขับออกทางของเสีย ซึ่งเห็นผลการลดลงของไขมันได้ภายใน 1 สัปดาห์หลังทำ และหากทำต่อเนื่องอย่างน้อย 4-5 ครั้งขึ้นไป ก็จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ควรเลือกเข้ารับบริการฉีดแฟตกับแพทย์ผู้ชำนาญการที่สามารถประเมินปัญหาและคำนวณปริมาณการใช้ยาได้อย่างเหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่คาดหวังมากที่สุด
หากคุณกำลังมองหาคลินิกฉีดเมโสแฟตดี ๆ สักแห่งอยู่ล่ะก็ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมกับ SUPASSARA CLINIC ได้ฟรี โทร. 095-456-0600 หรือ line: @supassara.clinic